แชร์ข่าว
วนอุทยานแห่งชาติ ภูฝอยลม จ.อุดรธานี
ภูฝอยลม เป็นแหล่งท่องเที่ยว เชิงนิเวศ อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าพันดอน-ปะโค มีเนื้อที่192,350 ไร่ บนเทือกเขาภูพานน้อย เขตตำบลทับกุง ภูฝอยลมจัดเป็นศูนย์ศึกษาธรราชาติที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง บนภาคอีสาน มีแปลงปลูกสาธิต และสวนรวมฑรรณไม้ป่า 60 พรรษามหาราชินี บริเวณจุดชมวิว สามารถมองเห็นทิวทัศน์ตัวเมืองจังหวัดอุดรธานี ภูฝอยลมมีบ้านพักไว้บริการนักท่องเที่ยว และสามารถตั้งแคมป์พักแรมได้ มีกิจกรรมเดินป่า การเดินทาง ใช้เส้นทาง อุดรธานีเลย เลี้ยวเข้าแยกบ้านเหล่ากิโลเมตรที่ 9
ประวัติความเป็นมา ภูฝอยลม
ในระหว่างปี 2538-3532 ส่วนราชการต่างๆนำโดยท่านผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ในขณะนั้น (นายสายสิทธิ พรแก้ว) ได้ร่วมกันเคลื่อนย้ายราษฎร เหล่านั้นอกจากพื้นที่ป่า โดยจัดให้อยู่พื้นที่ใหม่ ซึ่งไม่ส่งผลกระทบกับการทำลายนิเวศ
ปี 2533 สำนักงานป่าไม้เขตจังหวัดอุดรธานี ได้จัดอบรมเยาวชน เกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ชื่อว่า “โครงการเยาวชนอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้” เพื่อต้องการเปลี่ยนแปลงทัศนะคติให้คนรุ่นใหม่ได้หันมาสนใจ และเห็นความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ต่อมาในปี 2535 ได้ทำการปรับปรุงหลักสูตรและกิจกรรมอบรมให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ละเปลี่ยนชื่อโครงการใหม่เป็น “โครงการเยาวชนพิทักษ์ไพร” โดยใช้ชื่อย่อว่า “ย.พ.พ.”
ปี 2535 กรมป่าไม้ได้อนุมัติงบประมาณ จัดทำโครงการสวนรวมพรรณป่าไม้ 60 พรรษา มหาราชินี เพื่อเทิดพระเกียรติแด่สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ และเพื่อเป็นแหล่งรวบรวมพันธ์ไม้ป่า ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตลอดจนเป้นสถานที่สำหรบหารศึกษาและพักผ่อนหย่อนใจของจังหวัดอุดรธานี
ปี 2541 กรมป่าไม้ได้อนุมัติงบประมาณ จัดทำโครงการ พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าพันดอน-ปะโค ตามนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการสร้างแหล่งท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นโดยพัฒนาป่าสงวนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว
ปี 2545 ในสมัยรัฐบาลของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีนโยบายเร่งด่วนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการเพิ่มศักยภาพการท่องเที่ยว โดยการนำเสนอและการสนับสนุนของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดอุดรธานี เขต 4 ( นายธีระยุทธ วานิชชัง ) จึงได้รับอนุมัติเงินก่อสร้างบ้านพักห้องน้ำ ศาลาห้องประชุม ศาลาพักผ่อนแหล่งน้ำ และปรับปรุงภูมิทัศน์ในพื้นที่ ให้บริการ และเปลี่ยนชื่อโครงการใหม่เพื่อความสะดวกในการจดจำ และเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป เป็น “ โครงการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ภูฝอยลม “ ใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า “ Phu Foilom Ecotourism Project” และในปีเดียวกันนี้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี (นายชัยพร รัตนนาคะ) ได้มีแผนการที่จะพัฒนาพื้นที่ ภูฝอยลม ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของภูมิภาค จึงได้หางบประมาณสร้างแหล่งน้ำเพิ่มเติม สร้างถนนลาดยาง และจัดทำโครงการอุทยานก่อนประวัติศาสตร์ และเส้นทางไดโนเสาร์ โดยมรการสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์ ปั้นไดโนเสาร์ชนิดต่างๆ ขนาดเท่าของจริง ปั้นจระเข้และเต่าโบราณ จัดทำหุ่นจำลองและวิวัฒนาการ ของลิงจนกลายเป็นมนุษย์ จัดทำนาฬิกาแดด โดยมีเส้นทางเดินเท้าและการปรับปรุงภูมิทัศน์ในบริเวณโดยรอบ
ทั้งนี้ ในการจัดสร้างอุทยานก่อนประวัติศาสตร์ดังกล่าว ในเวลาดำเนินการเพียง 96 วัน (ตั้งแต่ วันที่ 1ตุลาคม 2545 ถึงวันที่ 4 มกราคม 2546)
บ้านภูภา ๑
เครื่องนอน 5 ชุด
1 ห้องนอน
1 ห้องน้ำ
อาคารเยาวชน ๒
เครื่องนอน 40 ชุด
แผนที่และ การเดินทาง
หากเดินทางมาตามเส้นทางขอนแก่น-อุดรธานี เมื่อเลยอำเภอโนนสะอาดมาแล้วจะพบทางแยกซ้ายที่บ้านห้วยเกิ้งไปภูฝอยลม รถยนต์สามารถขึ้นถึงบนภูได้โดยสะดวก
ผ่านด่านตรวจเข้ามาจะพบกับพื้นที่สวนป่าโดยแบ่งเป็นเขต แต่ละเขตปลูกต้นไม้ต่างกันเพื่อประโยชน์ในการศึกษาหาความรู้ ได้แก่ กลุ่มพืชสมุนไพร กลุ่มพืชโภขนาการ กลุ่มไม้เศรษฐกิจ กลุ่มพืชมีพิษ พรรณไม้พุทธประวัติ พรรณไม้ในวรรณคดี พรรณไม้พระราชทานประจำจังหวัด กลุ่มไม้มงคล กลุ่มไม้ดอกยืนต้น กลุ่มไม้มงคล 9 ชนิด กลุ่มวงศ์ปาล์ม พรรณไม้เฉลิมพระเกียรติ
สวนป่าแต่ละกลุ่มเหล่านี้ บางกลุ่มอยู่ติดกับถนน มองเห็นป้ายชื่อบอกทางเข้าไปเดินชมและศึกษาพรรณไม้ หลายกลุ่มไม่ได้อยู่ติดกับถนนแต่อยู่ลึกเข้าไป ต่อจากกลุ่มแรกที่อยู่ริมทาง
จากนั้นขับรถเข้ามาเรื่อยๆ จะมีทางแยกเข้าชมสวนรวมพรรณไม้ 60 พรรษา มหาราชินี อยู่ด้านขวามือ เป็นไฮไลท์ที่ได้รับความนิยมของนักท่องเที่ยวมากที่สุดของภูฝอยลม แต่ตอนนี้เราจะขอตรงเข้าไปในพื้นที่อื่นๆ ก่อน จุดไฮไลท์จะใช้เวลาเดินชมนานเป็นพิเศษดังนั้นไปดูจุดอื่นๆ ก่อนดีกว่าครับ
หากต้องการติดต่อบ้านพักให้สอบถามรายละเอียดและเข้าชมบ้านหลังต่างๆ ได้ที่ร้านสวัสดิการนี้ ด้านหลังมีอาคารเล็กๆ เป็นสถานที่ติดต่อสำหรับการกางเต็นท์ อุปกรณ์เครื่องนอนต่างๆ มีให้บริการพร้อม
ลึกเข้าไปทางพิพิธภัณฑ์ล้านปีจะมีร้านค้าเป็นร้านเล็กๆ จำหน่ายสิ่งของเครื่องใช้จำเป็น ขนม เครื่องดื่มต่างๆ นิดหน่อย
เส้นทางหลักภูฝอยลม เป็นเส้นแนวนอนเส้นทึบกว่าใครในแผนผังเป็นถนนเส้นเดียวที่ตรงเข้ามาตั้งแต่ด่านตรวจ ผ่านสวนป่ากลุ่มต่างๆ มายังสวนรวมพรรณไม้ 60 พรรษา มหาราชินี จากนั้นจะผ่านอาคารบริการนักท่องเที่ยว ปัจจุบันใช้ร้านสวัสดิการเป็นอาคารบริการนักท่องเที่ยวแทน ติดต่อสอบถามได้ทุกเรื่อง เส้นทึบๆ แนวนอนนี้จะตรงไปสุดที่สำนักงานโครงการเยาวชนพิทักษ์ไพร
สถานที่เที่ยวที่น่าสนใจอื่นๆ มีทางแยกออกไป ได้แก่พิพิธภัณฑ์ล้านปี พุทธสถานภูฝอยลม ไปทางเดียวกัน
ปัจจุบัน (มกราคม 2555) เส้นทางศึกษาธรรมชาติที่สร้างเป็นลักษณะระเบียงยื่นออกไปจากหน้าผาได้ชำรุดเป็นอย่างมาก จนไม่สามารถให้บริการนักท่องเที่ยวได้ เจ้าหน้าที่กำลังซ่อมอย่างเร่งด่วนเพื่อรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วง ธันวาคม 2554 เนื่องจากการจัดงานเทศกาลทิวลิปบานบนภูฝอยลม
สวนรวมพรรณไม้ 60 พรรษา มหาราชินี ในวันที่เดินทางไปบันทึกภาพ (ครั้งแรก) ช่วงเดือนกรกฎาคม สวนแห่งนี้เต็มไปด้วยดอกกระเจียวทั้งสีขาวและสีชมพู ในช่วงเดือนธันวาคม ก็จะมีดอกทิวลิปบานให้ได้ชมกันในงานวันดอกทิวลิปบานที่ภูฝอยลม ส่วนช่วงอื่นๆ เราก็จะได้พบกับไม้ดอกอีกหลายชนิดผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาปลูกให้เราได้ชมไม่เบื่อ
ความเป็นมาสวนรวมพรรณไม้ 60 พรรษา มหาราชินี จากการที่องค์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงห่วงใยและสนพระทัยการอนุรักษ์พันธุ์ไม้และสัตว์ป่าของเมืองไทย จนกระทั่งมีโครงการต่างๆ ด้านการอนุรักษ์สัตว์ป่าและพันธุ์พืชไม้ป่าของเมืองไทยขึ้นหลายโครงการ เพื่อเป็นการตอบสนองพระราชปณิธานขององค์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย จึงได้จัดสร้างสวนรวมไม้ป่าขึ้นใน ๔ ภาคของประเทศไทย เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในวโรกาสอันเป็นมหามงคลสมัยที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระชนม์ ๖๐ พรรษา ในปี พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๓๕ สำหรับในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สำนักงานป่าไม้เขตอุดรธานี(เดิม) ได้คัดเลือกพื้นที่บริเวณป่าสงวนแห่งชาติ ป่าพันดอน-ปะโค พื้นที่ตำบลทับกุง อำเภอหนองแสงเป็นพื้นที่ดำเนินการซึ่งเดิมเคยถูกราษฎรบุกรุก ยึดถือ ครอบครอง เข้าไปอาศัยทำกินจนกลายเป็นป่าเสื่อมโทรมสมควรได้รับการปรับปรุงใหม่อนุรักษ์เป็นป่าต้นน้ำลำธารที่สมบูรณ์ดังเดิม
นอกเหนือจากการเดินศึกษาธรรมชาติ ตรงนี้ยังมีบันไดเดินลงไปยังอาคารพิพิธภัณฑ์ล้านปีภูฝอยลมด้วย
บันไดเดินขึ้นมาพุทธสถานภูฝอยลม เห็นทีแรกนึกว่าจะไม่ยาวเท่าไหร่ เดินไม่นานไม่ทันเหนื่อยก็น่าจะถึง พอเอาเข้าจริงๆ หอบตั้งแต่ยังไม่ถึงครึ่งทาง ผ่านบันไดนั้นมาได้ก็มานั่งพักตรงบันไดหน้าพุทธสถานแห่งนี้ ก่อนที่จะกราบพระพุทธรูปแล้วเดินต่อไป
จากหน้าพุทธสถานภูฝอยลมตรงไปตามทางประมาณ 200 เมตรจะมีลานหินกว้างใหญ่ ที่น่าจะเป็นจุดชมวิวภูฝอยลมอีกแห่งหนึ่งตามที่ป้ายเขียนไว้ แต่กาลเวลาผ่านไปต้นไม้หลายต้นเติบโตขึ้นจนปิดบังทัศนียภาพไปหมด
จากลานหินที่เดาว่าเป็นจุดชมวิว มีทางเดินลงเขาที่ค่อนข้างชันเป็นทางที่ต้องปีนป่ายหินบางช่วงเพื่อเดินลงเชิงเขาไม่ต้องย้อนกลับไปทางพุทธสถานที่เพิ่งเดินผ่านมา
จากจุดแสดงหุ่นจำลองมนุษย์ถ้ำ มีทางเดินลงไปเรื่อยๆ จนถึงเชิงเขา มีรูปปั้นสัตว์ต่างๆ มากมาย เป็นบริเวณที่เรียกว่าพันธุ์สัตว์ป่า เพื่อให้เด็กๆ มาชมกัน รูปปั้นสัตว์เหล่านี้กระจายอยู่ในพื้นที่ป่าโปร่ง เหมือนสวนสัตว์เปิดเลยครับ
ภูฝอยลม เป็นยอดภูเขาสูงที่มีสภาพป่าอุดมสมบูรณ์ อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าพันดอน – ปะโค อำเภอหนองแสง จังหวัดอุดรธานี สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ประมาณ 600 เมตร มีอากาศหนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปี และมีความชุ่มชื้นสูงมาก และด้วยความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าในอดีต ทำให้เกิด Lichen (รา +สาหร่าย) ชนิดหนึ่ง ซึ่งอยู่ในกลุ่ม Frutiose เรียกว่า ฝอยลม (Usnea abissinica Mot.)มีลักษณะเป็นเส้นฝอยสีเขียวปนเทา เกาะอาศัยอยู่ตามกิ่งของต้นไม้เจริญงอกงามกระจายอยู่เต็มภูเขา จนได้รับการขนานนามว่า ภูฝอยลม ต่อมาได้มีราษฎรเข้ามาจับจองบุกรุกพื้นที่เพื่อจัดตั้งหมู่บ้านหลายหมู่บ้าน จึงทำให้สภาพป่าเริ่มเสื่อมโทรม ทำให้จำนวนฝอยลมลดน้อยลง จนแทบจะสูญพันธุ์ และในระหว่างปี 2528 – 2532 ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ในขณะนั้น (นายสายสิทธิ์ พรแก้ว และ นายจรวย ยิ่งสวัสดิ์) ได้เคลื่อนย้ายราษฎรเหล่านั้นออกจากพื้นที่ป่าโดยจัดให้อยู่ในพื้นที่ใหม่ ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ
ปี 2533 สำนักงานป่าไม้เขตอุดรธานี โดย นายมานิตย์ เอี่ยมสรรพางค์ ป่าไม้เขตอุดรธานี และ นายสนั่น ศิริวัฒนกาญจน์ ผู้ช่วยป่าไม้เขตอุดรธานี ในขณะนั้น ได้ริเริ่ม โครงการเยาวชนพิทักษ์ไพร ทำการฝึกอบรมเยาวชนเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โดยใช้ชื่อย่อว่า ย.พ.พ. เพื่อปลูกฝังทัศนคติ ให้คนรุ่นใหม่ได้หันมาสนใจและเห็นความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
ภาพจิตรกรรมที่เห็นในภาพบน เวลาเข้าไปถ่ายรูปต้องแหงนถ่ายภาพที่ออกมาจริงๆ แล้วเป็นภาพกลับหัวเพราะเรายืนอยู่ขอบนอก แล้วถ่ายเข้าไปจุดศูนย์กลางของอาคาร แต่เพื่อให้ชมกันแบบไม่ลำบากมากเกินไปผมเลยกลับภาพให้หัวตั้งขึ้นตามเดิม
สิ่งที่โดดเด่นอีกสิ่งหนึ่งคือรูปเทพพนม เป็นงานปูนปั้น อยู่รอบๆ กำแพงลานประทักษินที่ฐานพระองค์ใหญ่ ทัวร์ออนไทยก็ขอถือโอกาสนี้ในการประชาสัมพันธ์ เชิญชวนกันไปทำบุญที่วัดภูทองเทพนิมิต อ.หนองแสง อุดรธานี
โพสเมื่อ วันที่17 มิถุนายน 2020
ยังไม่มีการแสดงความคิดเห็นสำหรับเรื่องนี้.....
แสดงความคิดเห็น